ทีเส็บรวมใจเมืองไมซ์ซิตี้ เตรียมพร้อมรับการเปิดประเทศ

ทีเส็บผลักดันยุทธศาสตร์เมืองแห่งไมซ์ พร้อมจัดแคมเปญกระตุ้นการจัดงานในประเทศ ด้านเมืองไมซ์ซิตี้ใน 4 ภูมิภาค ชูขอนแก่น พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต เร่งปรับกระบวนทัศน์ พัฒนาเมือง ใช้กิจกรรมไมซ์เสริมความแข็งแกร่งเศรษฐกิจในพื้นที่ เตรียมพร้อมรองรับการเปิดประเทศ

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาและนวัตกรรม
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า อุตสาหกรรมไมซ์โดยรวมก่อนการระบาดของโรคโควิด 19 ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจปีละกว่า 500,000 ล้านบาท โดยเฉพาะไมซ์ในประเทศคิดเป็นมูลค่าเกือบ 300,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าตลาดในประเทศยังคงเป็นฐานสำคัญทางเศรษฐกิจ ดังนั้นยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของทีเส็บในช่วงนี้ จะยังคงมุ่งเน้นตลาดในประเทศเป็นหลัก ซึ่งดำเนินการร่วมกับพื้นที่โดยเฉพาะเมืองไมซ์ซิตี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจกระจายสู่ภูมิภาคตามนโยบายรัฐบาล

“การพัฒนาเมืองไมซ์ซิตี้ เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของทีเส็บ ในการขยายการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศ มุ่งกระจายการจัดงานสู่ภูมิภาค ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นเป้าหมายหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่อีกด้วย”

ทีเส็บ เตรียมผลักดันการจัดงานไมซ์ในประเทศผ่านแคมเปญ “เปิดเมืองไมซ์ ร่วมใจช่วยชาติ” โดยมีโครงการ “เปิดเมืองปลอดภัย จัดงานไมซ์มั่นใจ ด้วยมาตรฐาน” มุ่งกระตุ้นการจัดงานไมซ์ในเมืองไมซ์ซิตี้ทั้ง 10 แห่ง พร้อมจัดแคมเปญสนับสนุนเพื่อฟื้นฟูตลาด ได้แก่ แคมเปญ Regional Best Show สำหรับงานแสดงสินค้าที่เป็นเป้าหมายหลักของภูมิภาค และแคมเปญ Gear Up Exhibition สำหรับงานแสดงสินค้าทั่วไป ขณะที่ตลาดการประชุมจะดำเนินการผ่าน 2 GO CAMPAIGN จัดงานประชุมทั่วไทยพร้อมก้าวไกลสู่สากล และโครงการประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า ซึ่งปีนี้ได้มีการปรับเงื่อนไขการสนับสนุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ สามารถจัดงานภายในจังหวัดได้ โดยไม่ต้องเดินทางข้ามจังหวัดหรือภูมิภาค เพื่อส่งเสริมให้เกิดการจัดงานภายในจังหวัดมากขึ้น ผู้ที่สนใจสมัครขอรับการสนับสนุนโครงการประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า ได้ถึงวันที่ 15 กันยายน 2564 โดยลงทะเบียนและยื่นเอกสารได้ที่ www.thaimiceconnect.com

นอกจากนี้ ทีเส็บให้ความสำคัญกับการสนับสนุนผู้ประกอบการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดงานรองรับการทำธุรกิจในยุควิถีใหม่ ซี่งเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นสำหรับการจัดงานในประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ ช่วยสร้างการรับรู้ในภาคอุตสาหกรรมไมซ์ให้เกิดขึ้นได้อย่างกว้างขวาง เช่น การจัดงาน “ไมซ์ไทยรวมใจสร้างชาติ” ในรูปแบบออนไลน์ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมชมงานผ่านระบบออนไลน์ (Live Streaming) ทั่วประเทศทั้งสิ้น 22,384 คน และสร้างการรับรู้การจัดงานผ่านสื่อออนไลน์อีกถึง 55,367 คน

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น

ด้าน นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า สถานการณ์โควิด 19 เป็นทั้งอุปสรรคและโอกาสในการพัฒนาเมือง โดยขอนแก่นเป็นเมืองไมซ์ซิตี้ที่เน้นการจัดประชุมสัมมนาในประเทศเป็นหลัก และได้รับอานิสงส์อย่างมากจากโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ที่มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้ามาจัดประชุมในจังหวัดมากกว่า 55 โครงการ และยังมีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในจังหวัดได้ค่อนข้างมาก

“ในช่วงโควิด 19 จึงเป็นโอกาสในการจัดระเบียบ สร้างความเชื่อมั่น และเตรียมพัฒนาสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มศักยภาพเมือง ขอนแก่นมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความเป็นไมซ์ซิตี้ควบคู่ไปกับยุทธศาสตร์เมืองในการเป็น Smart City และ Creative City โดยจะเร่งพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคและเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ต่างๆ รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาเมือง สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่จะเดินทางเข้ามา โดยเฉพาะความร่วมมือกับทีเส็บที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดการประชุมระดับนานาชาติในจังหวัด เช่น การประชุมนานาชาติไหมไมซ์, การจัด Business Forum ร่วมกับกลุ่มประเทศทางยุโรป และการขับเคลื่อนขอนแก่นเป็นเมืองหัตถกรรมโลกแห่งผ้ามัดหมี่สู่สากลภายใต้ชื่องาน มัดหมี่เบียนนาเล่ 2021 ถักทอเส้นใยอีสาน สู่สายใยโลก ซึ่งเป็นงานใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ เป็นต้น”

นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา

นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยาจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ไมซ์เป็นภาคธุรกิจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยเมืองพัทยามีความพร้อมทั้งในด้านการท่องเที่ยวและไมซ์ จึงได้เตรียมแผนการเปิดเมืองภายใต้โครงการ Pattaya Move on โดยใช้ “เกาะล้านแซนด์บ๊อกซ์” ซึ่งเป็นพื้นที่เกาะในการเป็นโมเดลนำร่องตามแบบแผนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และจัดทำ Sealed Route ครอบคลุมพื้นที่เมืองพัทยา บางละมุง และสัตหีบ โดยเตรียมเปิดเมืองพัทยาวันที่ 1 กันยายนนี้

“การเปิดเมืองและการจัดกิจกรรมด้านไมซ์ในเมืองพัทยามีความเกี่ยวข้องกัน 3 เรื่อง คือ 1.วัคซีน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เมืองพัทยาขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ 2.สิ่งอำนวยความสะดวกที่มีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ ห้องประชุมขนาดต่างๆ ในโรงแรม รวมถึงความร่วมมือกับ  ทีเส็บในการส่งเสริมไมซ์เพื่อช่วยสร้างรายได้และเสริมความเข้มแข็งให้กับชุมชน และ 3.โอกาสทางธุรกิจที่จะเป็นเมืองหลักของพื้นที่พิเศษ EEC นอกจากนี้ยังได้วางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองภายใต้แนวคิด NEO Pattaya ที่ครอบคลุมทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม รวมถึงการพัฒนาต้นแบบ 5G ให้ชายหาดมีระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารเมืองพัทยาอีกด้วย”

การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของเมืองพัทยาจะดำเนินการร่วมกับภาครัฐเอกชนในการดึงงานระดับ World Event และงานประชุมนานาชาติเข้ามาจัดอย่างต่อเนื่อง อาทิ Family Planning ของมูลนิธิบิลเกตส์, งานประชุมสัมมนาของไลอ้อนส์โลก, งาน Air Show ที่ดำเนินการร่วมกับทีเส็บ และยังเตรียมพร้อมทั้งแผนงานกิจกรรมและงบประมาณในการจัดงานเทศกาลต่างๆ ในปลายปีนี้ด้วย เช่น งาน Pattaya Festival, งาน Pattaya International Fireworks, งาน Pattaya Countdown และงาน Coffee Festival เป็นต้น

นายอนุชา มีเกียรติชัยกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่

นายอนุชา มีเกียรติชัยกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้เชียงใหม่ได้วางแผนพัฒนาจังหวัดระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566-2570) มีเป้าหมายเพื่อให้เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง เศรษฐกิจดี ประชากรอยู่ดีกินดี และสิ่งแวดล้อมดี โดยมองยุทธศาสตร์การพัฒนาใน 3 ประเด็น คือ การท่องเที่ยวที่เพิ่มมูลค่าสามารถปรับเข้ากับสถานการณ์ได้ การเกษตรที่แม่นยำใช้ระบบดิจิทัลบนพื้นฐาน BCG และการค้าการลงทุนบนพื้นฐานของนวัตกรรมและความยั่งยืน ซึ่งในทุกส่วนของแผนนี้จะมีกิจกรรมไมซ์เข้าไปผนวกอยู่ด้วยทุกระดับ เพราะไมซ์จะช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมเป้าหมายหลักของจังหวัดพัฒนาไปด้วยกันได้

อีกทั้ง ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยร่วมกับสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือได้เตรียมจัดงานใหญ่ FTI Expo 2022 วันที่ 2-6 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ ขานรับการเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล ภายในงานจะมีทั้งการจัดประชุมนานาชาติ การประชุมองค์กรของสภาอุตสาหกรรมทั่วประเทศที่มีสมาชิกมากกว่า 12,000 คน การเยี่ยมชมโรงงาน สถานประกอบการ และการสัมมนาวิชาการในหลากหลายหัวข้อที่น่าสนใจ นอกจากนี้ 43 กลุ่มอุตสาหกรรม 11 คลัสเตอร์ รวมถึงธุรกิจ SME และผู้ประกอบการในภูมิภาค 17 จังหวัดภาคเหนือ ร่วมกันเตรียมจัดงานแสดงสินค้าเพื่อแสดงพลังของภาคธุรกิจและการผลิตที่ทำให้ประเทศยังคงเดินหน้าต่อไปได้ โดยจังหวัดเชียงใหม่เตรียมพร้อมในการเปิดเมืองด้วยโครงการ Charming Chiang Mai ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ที่ผ่านมาภูเก็ตพึ่งพาเศรษฐกิจเพียงขาเดียวคือการท่องเที่ยว พอได้รับผลกระทบจากโควิด 19 จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะทำให้การท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้งเพื่อกอบกู้เศรษฐกิจ และในที่สุดได้นำไปสู่ยุทธศาสตร์ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ ซึ่งเป็นความร่วมมือที่เกิดขึ้นจริงระหว่างภาครัฐ ประชาชน และภาคธุรกิจ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำงาน ที่ทั้งสามฝ่ายได้มาประสานทำงานร่วมกัน ทำให้อุปสรรคที่เกิดขึ้นมีแนวทางสามารถเดินต่อไปได้

“ภูเก็ตได้เรียนรู้ประสบการณ์ว่าไมซ์สามารถที่จะผนวกเข้าไปไว้กับทุกเรื่องได้ จึงได้จัดทำยุทธศาสตร์ใหม่ เรียกว่า “GEMMSS Strategy” คือ G- Gastronomy, E- Education, M- Marina, M- Medical, S-Sport City, S-Smart City เพื่อต่อยอดเศรษฐกิจของภูเก็ตจากเดิมที่มีอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว และทุกสาขาธุรกิจที่แตกออกมาจะมีกิจกรรมไมซ์เข้าไปผนวกเข้าอยู่ด้วย

จังหวัดภูเก็ตแม้จะไม่มีศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ แต่ภูเก็ตทั้งเกาะสามารถจะเป็นศูนย์ประชุมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศได้ ด้วยความพร้อมและศักยภาพของโรงแรม บุคลากร รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งท้องทะเล ชายหาด สวนเกษตร สนามกีฬาที่มีความหลากหลาย ตลอดจนบริการที่เพียบพร้อม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นจุดแข็งในการสร้างสรรค์การประชุมที่มีเสน่ห์ในแบบเฉพาะสามารถขับเคลื่อนให้ภูเก็ตไมซ์ซิตี้ก้าวสู่การเป็นเมืองไมซ์เวิลด์คลาสได้”

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ ฝ่ายภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร  สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์  0 2694 6000    

#RATCHATANEWS #สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต #สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ #เมืองพัทยา #สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน)

 929 total views,  2 views today

Facebook Comments: (1) ห้ามใช้คำพูด หรือเขียนข้อความหยาบคาย ด่าทอ ดูถูกดูหมิ่นดูแคลน (2) ห้ามพูดหรือเขียนข้อความอันจาบจ้วงสถาบันหลักสำคัญของชาติ ห้ามละเมิดกฎหมาย ป.อาญามาตรา 112 โดยเด็ดขาด (3) ห้ามพูดจาละเมิดหรือเขียนข้อความอันสร้างความเกลียดชังในเรื่อง ชาติ ศาสนา เชื้อชาติ การแสดงความเคารพต่างๆ ของส่วนบุคคล และของประเทศต่างๆ ห้ามเอาความเชื่อส่วนบุคคลมาวิพากย์วิจารณ์อย่างดูหมิ่นดูแคลนเหยีดหยาม (4) ห้ามพูดจาหรือเขียนข้อความ ที่ดูหมิ่น-ละเมิดศาล หรือวิจารณ์วิเคราะห์คำพิพากษาของศาลโดยเด็ดขาด (5) ห้ามเขียนหรือกระทำการแสดงความคิดเห็นต่างๆที่เข้าข่ายผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ (6) ต้องปฏิบัติและเคารพกฏหมายและระเบียบธรรมเนียมปฏิบัติอย่างเคารพกฏหมายอย่างเข้มงวด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น