เมื่อวันที่ 3 ก.ย.64 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ประจำปี 2564 หรือ Prime Minister’s Export Award 2021 ครั้งที่ 30 ในรูปแบบ Virtual Event ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของการมอบรางวัลบนเวทีเสมือนจริงในยุค new normal ที่ไม่สามารถพบปะร่วมกันได้ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้อง คณะกรรมการและแขกผู้มีเกียรติ สื่อมวลชน สามารถเข้าร่วมงานได้ในรูปแบบออนไลน์ผ่านทางระบบซูมและเฟซบุ๊กไลฟ์ โดยปีนี้ มีบริษัทที่ผ่านการพิจารณาเข้ารับรางวัลใน 7 สาขา รวม 42 รางวัล 34 บริษัทจากผู้สมัครทั้งหมด 216 ราย
หลังเสร็จสิ้นพิธีมอบรางวัล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล ว่า รัฐบาลได้มีนโยบายในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในภาคการผลิต การบริการ และการส่งออกให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง งานมอบรางวัล Prime Minister’s Export Award ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดที่ผู้ประกอบการส่งออกได้รับการรับรองจากรัฐบาล จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจพัฒนาของผู้ประกอบธุรกิจส่งออก รวมทั้งทุกๆฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันการค้าระหว่างประเทศแบบเชิงรุก และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่น เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาธุรกิจตนเองให้ดียิ่งขึ้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งในวาระครบรอบ 30 ปี ของรางวัล PM Award รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการของไทยได้มีการพัฒนาสินค้าและบริการในทุกสาขาตั้งแต่ปี 2535 รวมจำนวนทั้งสิ้น 638 บริษัท 745 รางวัล ล้วนเป็นตัวแทนของความภาคภูมิใจของคนไทยในการผลิตสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศ และในปีนี้ได้มอบนโยบายการส่งเสริมผู้ประกอบการให้ครอบคลุมในทุกระดับตั้งแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่จนไปถึง SMEs และ Micro SMEs และกระจายไปยังภูมิภาคในทุกภาคส่วนของประเทศ ทำให้มีผู้ได้รับรางวัล ทั้ง 7 สาขา รวม 42 รางวัล 34 บริษัทจาก 15 จังหวัดทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ตามนโยบายด้านการเร่งรัดการส่งออกในมิติของการเพิ่มมูลค่าสินค้า พร้อมสร้างผู้ส่งออกรายใหม่ จึงได้เพิ่มรางวัลผู้ประกอบการหน้าใหม่ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ก้าวสู่การเป็นผู้ส่งออกที่มีศักยภาพต่อไป
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ปีนี้การส่งออก ถือเป็นเครื่องยนต์ที่ทำหน้าที่ได้ดีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินการตามแผนการส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนให้ภาคการส่งออกของไทยกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้งคือ เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักสำคัญของไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐ ยุโรป และจีน อีกทั้งภาคการผลิตทั่วโลกยังคงขยายตัวดี โดยเฉพาะการผลิตสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค สินค้าวัตถุดิบและสินค้าเพื่อการลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่เงินบาทที่อ่อนค่าลงก็กลายเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนภาคการส่งออกของไทย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อน ซึ่งส่งผลดีต่อราคาสินค้าส่งออกของไทย และจากความพยายามของกระทรวงพาณิชย์ในการเร่งแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ล่าสุด ตัวเลขการส่งออกในเดือน ก.ค.2564 พบว่า ขยายตัวสูงถึง 20.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ภาพรวมการส่งออกในช่วง 7 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.2564) การส่งออกขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีมูลค่ารวมที่ 1.54 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 16.20%
ด้านผู้ประกอบการที่รับรางวัลในปีนี้ ได้กล่าวถึงวิธีการรับมอบรางวัลในรูปแบบ Virtual Event ปีนี้ว่า ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้รับรางวัลจากท่านนายกรัฐมนตรีโดยตรง จากข้อจำกัดด้านมาตรการป้องกันโควิด 19 แต่ก็นับเป็นเกียรติและเป็นความภาคภูมิใจ พร้อมที่จะรักษามาตรฐานคุณภาพ รวมทั้งเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการ อันจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป สำหรับรางวัล Prime Minister’s Export Award 2021 ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 30 มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 216 ราย ผ่านการพิจารณาเข้ารับรางวัลใน 7 สาขา รวม 42 รางวัล ได้แก่ Best Exporter 9 รางวัล Best Thaibrand 9 รางวัล B est Innovation 3 รางวัล และ Aspiring Innovation 5 รางวัล Best Design 7 รางวัล Best Services Enterprise Award รวม 4 รางวัล ได้แก่ สาขาโรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง คลินิกเฉพาะทาง 1 รางวัล สาขาดิจิตอลคอนท์และซอฟแวร์ 1 รางวัล สาขาสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ 1 รางวัล สาขาโลจิสติกส์การค้า 1 รางวัล Best OTOP 2 รางวัล และ Best Halal 3 รางวัล
ทั้งนี้รางวัลผู้ประกอบการนวัตกรรมดาวเด่น Aspiring Innovation ถือเป็นรางวัลพิเศษในปีนี้ ที่เพิ่มขึ้น เพื่อเชิดชูผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีนวัตกรรมโดดเด่น และมีศักยภาพในการส่งออก 5 รางวัล โดยเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้ประกอบการที่เห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนว BCG ซึ่งรัฐบาลได้หยิบยกขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ
โดยจากข้อมูลการส่งออก ของผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลทั้ง 42 รายนี้ มีส่วนในการสร้างรายได้เข้าประเทศ ในปี 2563 ประมาณ 19,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.87 หรือ 1,788 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบจากปี 2562 ที่มีรายได้ประมาณ 18,122 ล้านบาท และในปี 2564 (ม.ค. – ก.ค. 64) ได้สร้างรายได้ให้แก่ประเทศแล้วประมาณ 11,377 ล้านบาท และมีส่วนสร้างการจ้างงาน ไม่ต่ำกว่า 14,639 คน ซึ่งบทสรุปความสำเร็จของรางวัล Prime Minister’s Export Award นี้ นับเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ที่ภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจส่งออก ให้สามารถก้าวเดินได้อย่างต่อเนื่อง และก้าวเข้าสู่โครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ยุค New Normal ได้อย่างมั่นคง
#RATCHATANEWS # Prime Minister’s Export Award 2021 #รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ประจำปี 2564