เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ 5 รัฐมนตรี ที่รัฐสภา
ต่อมาเวลา 22.10 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ขึ้นชี้แจงว่า ที่ตนถูกพรรคร่วมฝ่ายค้านกล่าวหาว่า ตนประเมินความรุนแรงของโควิด-19 ผิดพลาด ว่าเป็นเพียงไข้หวัดชนิดหนึ่งเท่านั้น จนเป็นเหตุให้เชื้อไวรัสโควิดแพร่ระบาดเป็นวงกว้างนั้น
นายอนุทิน ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า ขอเรียนว่า เมื่อกระทรวงสธ.ทราบว่ามีโรคดังกล่าวระบาดในอู่ฮั่น ตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 62 ตนในฐานะรัฐมนตรีก็ได้สั่งการกรมควบคุมโรคติดตามอย่างใกล้ชิดในทันที โควิดเป็นโรคติดเชื้อใหม่ที่ไม่เคยมีใครเคยค้นพบมาก่อน ดังนั้น แนวทางของกระทรวงสาธารณสุข จึงต้องปรับการทำงานไปเรื่อย ๆ แต่ต้องชมคณะแพทย์ และคนที่เกี่ยวข้องที่สามารถหารหัสทางพันธุกรรมจนสามารถหายาในการใช้รักษาเบื้องต้นก่อนได้ ซึ่งอัตราการเสียชีวิตของประเทศไทยยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าหลายประเทศ แปลว่าเรายังรับมือกับโควิดได้ดีกว่าหลายประเทศ ดังนั้น ที่ตนถูกกล่าวหาว่าเพิกเฉย ไม่เตรียมความพร้อมให้ดีนั้น เป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย และไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เราอยู่กันได้ดีจนถึงการระบาดระรอกที่ 2 ซึ่งการระบาดระลอกนั้น เกิดจาดคนที่ทำผิดกฎหมาย มีการลักลอบเข้าเมือง จนเกิดการระบาด แต่ด้วยการเตรียมความพร้อมตั้งแต่ระลอกแรกทำให้เรามียา มีหน้ากาก ฯลฯ ไม่ขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันเหล่านี้ เราก็สามารถควบคุมการระบาดได้ดี
นายอนุทิน กล่าวต่ออีกว่า แต่เราโชคไม่ดีที่เราเจอการระบาดระรอกที่ 3 ตั้งแต่ระลอกที่ 3 ซึ่งตนยอมรับว่ารุนแรง ซึ่งสาเหตุก็เหมือนเดิม คือมีการเข้ามาของต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข้มงวด มีงานเลี้ยงสังสรรค์ ลักลอบเล่นการพนัน ฯลฯ จนเกิดการระบาดจนขยายวงกว้างจากหลักร้อยเป็นหลักหมื่น เราได้จัดตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดเตรียมสถานพยาบาล และยา รวมถึงเตรียมการป้องกันโรคให้มีประสิทธิภาพ เราลองคิดว่า หากกระทรวงสาธารณสุขไม่มีความพร้อม และไม่มีการวางแผน เราคงไม่สามารถให้การรักษาแก่ผู้ป่วยที่เพิ่มจากหลักร้อย เป็นหลักหมื่นอย่างเช่นทุกวันนี้ได้ เรามีผู้ป่วยล้านคน แต่ก็มีผู้หายป่วยกว่า 9 แสนคนเช่นกัน
“ผม นายกฯ และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนรู้สึกเสียใจ ผมขอถือโอกาสนี้กราบขออภัยอย่างที่สุดต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ขออภัยอย่างยิ่งที่ไม่สามารถรักษาชีวิตของท่านเหล่านั้นไว้ได้” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เมื่อกรุงเทพมหานครมีผู้ป่วยเกินกว่าที่จะรองรับได้ กระทรวงสาธารณสุขจะปัดความรับผิดชอบก็ไม่ได้ จะทำตัวแบบธุระไม่ใช่ไม่ได้ ตนจึงสั่งการให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อสนับสนุนกรุงเทพมหานครทั้งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ฯลฯ จากที่ผู้ป่วยล้นก็ดีขึ้น ที่ตนได้ชี้แจงมาทั้งหมดก็คงทำให้ท่านได้เห็นว่า ตนไม่ได้นิ่งเฉย ตนได้สั่งการ และเตรียมความพร้อมตลอดเวลาเพื่อรับมือกับสถานการณ์ เพียงเอ่ยปากขอเพื่อนร่วมงานทุกคนในกระทรวงสาธารณสุขก็พร้อมดำเนินการทันที ไม่มีรำมวย
“ถ้าผมไม่มีความสำนึกแห่งความรับผิดชอบ ผมเพียงขึ้นมาบนนี้แล้ว บอกว่ามีศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แล้ว ผมไม่มีอำนาจแล้ว สั่งการอะไรไม่ได้ อำนาจอยู่ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) หมดแล้ว ผมไม่เกี่ยวข้องแล้ว แต่บังเอิญคำว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมันมีความหมายมากกว่านั้น การที่ผมได้มีโอกาสมาอยู่ในกระทรวงนี้ ผมมั่นใจว่า ความสามารถของผมน่าจะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ให้สถานการณ์โรคระบาดนี้ดีขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าบทบาท และอำนาจของผมจะจำกัดไปบ้างตามอำนาจของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ก็เป็นเพียงเรื่องเฉพาะนโยบายที่ต้องมาบูรณาการการแก้ปัญหาโควิด แต่ความเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขผมยังสามารถทำงานที่เป็นภารกิจของกระทรวงสาธารณสุขได้อย่างราบรื่น ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากนายกฯ และครม.ทุกคน” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้ขาดความรู้ ไม่ได้ขาดภูมิปัญญา อย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวหา แต่ตนเลือกปฏิบัติในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจและมอบหมายให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถในแต่ละด้านช่วยกันทำงานให้เกิดผลสำเร็จ ไม่ได้เป็นการคุยโม้โอ้อวด ไม่มีการใช้อำนาจที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และการใช้กฎหมายใดๆ ในทางมิชอบและเกินขอบข่ายอำนาจที่มีอยู่ ตนไม่ได้บริหารงานผิดพลาดจนกระทั่งทำความล้มเหลวให้กับระบบการสาธารณสุขของประเทศไทย ไม่เคยแม้แต่น้อยที่จะคิดมุ่งกอบโกยผลประโยชน์ใดๆ ท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชน ตามข้อกล่าวหาที่พรรคฝ่ายค้านจงใจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดในการทำงานของตน ตนเชื่อว่าประชาชนเข้าใจ และขอความกรุณาฝ่ายค้านว่าหยุดเอาโควิดมาเล่นการเมืองเถอะ เพราะประชาชนมีความเดือนร้อนอยู่
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ต่อมาคือเรื่องวัคซีน ตนได้มอบให้สถาบันวัคซีนแห่ชาติติดต่อกับสถาบันวิจัย และผู้ผลิตวัคซีนทั่วโลก เพื่อจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชนให้ไวที่สุด รวมถึงเร่งให้มีการพัฒนาวัคซีน ไม่ได้ช้า คุยกันตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-มิถุนายนปีที่แล้ว แต่ช่วงนั้นยังอยู่ในช่วงการทดลองอยู่ เราจะสั่งจองเพื่อถือเป็นการพัฒนาร่วมกันไม่ได้ เพราะกฎนี้ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างของรัฐไม่มี จะใช้ข้อยกเว้นก็ไม่ได้ เพราะของที่อยู่ระหว่างการทดลองเราซื้อไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เรามีประสบการณ์ ในที่สุดด้วยความร่วมมือจากหลายฝ่าย เราจึงมีการเซ็นสัญญากับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ผู้ผลิตวัคซีนแอสตร้าฯในประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ ซีอีโอของแอสตร้าเซนเนก้าได้ส่งจดหมายมายังนายกฯว่าจะส่งวัคซีน 61 ล้านโดสมาให้ประเทศไทยให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ปีหน้าก็ต้องสั่งเพิ่มอีกเพื่อเป็นบูสเตอร์โดส และเรากำลังพัฒนาวัคซีนอื่นๆ อยู่ และที่เราจะต้องสั่งวัคซีนซิโนแวคเพิ่มก็เพื่อฉีดประคับประคองสถานการณ์จนกว่าวัคซีนแอสตร้าฯ จะเข้ามา ซึ่งไม่ใช่ว่า กระทรวงสาธารณสุขอยากจะใช้วัคซีนอะไรก็ได้ เราต้องผ่านคณะกรรมการ ซึ่งที่ผ่านมาซิโนแวคก่อนที่จะมีสายพันธุ์เดลต้าก็เป็นพระเอกมาตลอด และแม้จะกลายเป็นเดลต้าแล้ว ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ก็จะไม่มีอาการหนักและเสียชีวิตน้อยมาก ดังนั้น เราจึงใช้ ซิโนแวคมาตอเนื่องจนถึงเดือนมิถุนายน
“หลังจากเดือนเมษายนมีการแพร่ระบาดมากขึ้นจากสายพันธุ์เดลต้า ซิโนแวคเอาไม่อยู่ แต่แอสตร้าฯก็ยังมาไม่มาก แต่กระทรวงสาธารณสุขก็ยังต้องเร่งฉีดวัคซีนซิโนแวคให้พี่น้องประชาชน เพื่อป้องกันอย่างน้อยก็ไม่เสียชีวิต ทั้งนี้ วัคซีนต้องถึงประชาชนทุกคนแน่นอน เพราะสิ้นปีนี้วัคซีนจะมาถึงประเทศรวมแล้ว 140 ล้านโดส เราต้องสั่งวัคซีนให้มากที่สุดตามกำลังความสามารถ ไม่สุรุ่ยสุร่าย ซึ่งการซื้อก็แล้วแต่ผู้ขาย ต้องมีขั้นตอนและมีการทำสัญญา ขณะที่ซิโนแวคไม่ต้องมีการทำสัญญา เขาขอเพียงใบสั่งซื้อ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขระบุ
นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้อภิปรายถามถึงส่วนต่างของบไว้ 17 เหรียญ แต่ซื้อ 9 เหรียญ ส่วนต่างไปไหนนั้น ตนขอเรียนว่า ไม่มีส่วนต่าง เพราะตั้งไว้ 17 เหรียญ แต่เบิกมาใช้เพียง 9 เหรียญ ไม่มีการคืน เพราะเบิกมาแค่นั้น เงินกู้ก็เหลือ เขาจะไปใช้อะไรก็เรื่องของเขา ณ วันนี้ประเทศไทยไม่ได้ขี่ม้าตัวเดียว มีทุกตระกูลที่โลกนี้เขาใช้ ไม่ได้แทงม้าตัวเดียวแบบที่หลายฝ่ายกล่าวหา ดังนั้น กรุณาอย่าพูดว่า รัฐบาลแทงม้าตัวเดียวอีกเลย ส่วนเรื่องการจัดซื้อวัคซีน แล้วมีเงินทอน ยืนยันว่า รัฐบาลไทยซื้อวัคซีนโดยตรงจากบริษัทผู้ผลิต ซึ่งบริษัทผู้ผลิตส่วนใหญ่มีกฎของเขา ไม่สามารถมาเจรจาเรื่องตอมมิชชั่นได้ อย่าว่าแต่ใต้โต๊ะเลย บนโต๊ะก็ไม่ได้ วัคซีนทุกชนิดกว่าจะออกจากประเทศเขา รัฐบาลกลางของเขาต้องยอมรับ ขอให้เกิดความมั่นใจว่าไม่มีทางที่ผู้ซื้อจะสามารถเรียกผลประโยชน์ใดๆ ต่อผู้ขายได้ เพราะผู้ขายระบุไว้ชัดเจนว่าเขาจะขายให้หน่วยงานภาครัฐเท่านั้น ตนยืนยันว่าไม่มีการเรียกร้อง หรือได้ประโยชน์ใดๆ จากการจัดหาวัคซีนทั้งสิ้น ประโยชน์เดียวที่ได้คือ ความปลื้มใจที่วัคซีนมาถึงประเทศไทยเท่านั้น
วัคซีนทุกยี่ห้อที่ประเทศไทยใช้อยู่ขณะนี้เป็นวัคซีนที่ดีทั้งหมด เพราะไม่มีวัคซีนไหนที่ดีที่สุดในโลก วัคซีนทุกตัวที่เข้าไปในร่างกายเรามันทำหน้าที่ของมัน เราต้องไม่ด้อยค่าวัคซีนชนิดใดๆ เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เราคิดถึงวัคซีนเข็ม 3 แล้ว เพราะปีหน้า เราจะไม่ฉีดเพียง 2 เข็ม แต่ต้องฉีดกัน 3 เข็มแล้วเพื่อเป็นบูสเตอร์โดส ทั้งนี้ ยืนยันว่า สถานการณ์ปีหน้าจะไม่เหมือนปีนี้ วัคซีนจะไม่ขาดแบบปีนี้แน่นอน
“ผมรับทุกข้อมูลทั้งหมดที่สมาชิกอภิปรายแนะนำ ตำหนิ เสนอแนะ ในส่วนที่ท่านบอกว่ามีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริต ผมจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ส่วนที่ผมปรับปรุงได้ก็จะนำไปปรับปรุงแก้ไข ผมขอยืนยันว่า บุคลากรทางการแพทย์ของสธ. และสถาบันการแพทย์ทุกคน พวกเราทำงานจนสะกดคำว่าเหนื่อย และท้อไม่เป็น ทุกคนต้องการเอาชนะโควิด และโปรดมั่นใจว่าพวกเขาทำได้ ระบบสาธารณสุขของเรายังแข็งแกร่ง ผมขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนเชื่อมั่น เราต้องชนะ เพราะพวกเราประเทศไทยไม่เคยแพ้ ขอให้เราร่วมมือกันต่อสู้ แล้วเราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกันได้อย่างสวยงาม” นายอนุทิน กล่าว
จากนั้นเวลา 23.11 น. นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานฯ ได้สั่งพักการประชุม และได้นัดประชุมใหม่ในวันที่ 3 ก.ย. เวลา 09.00 น.
#RATCHATANEWS #การเมือง #กระทรวงสาธารณสุข
