วันที่ 7 ก.ย.64 เวลา 08.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อกรณีที่พระมหาสมปอง และพระมหาไพรวัลย์ พระนักเทศน์ชื่อดังแห่งวัดสร้อยทอง ได้มีการถ่ายทอดสดการสอนธรรมะผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งมีผู้เข้าชมและติดตามจำนวนมากว่า เรื่องของพระทั้ง 2 รูปดังกล่าว ตนเห็นว่าเป็นเรื่องทางพุทธศาสนา ขณะที่ตนเป็นฆราวาสเข้ามาทำหน้าที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ดังนั้นคงไม่เหมาะสมที่จะให้ตนไปให้ความเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด เหมาะสมหรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้ตนเชื่อว่ากระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นนั้นส่วนหนึ่งเป็นของฆราวาส อีกส่วนหนึ่งเป็นกระแสจากพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง และในกระแสของฆราวาสยังมี 2 แนวทาง ซึ่งตรงนี้เป็นปัญหาของสังคม เพราะสังคมย่อมมีความคิดแบบที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบนโยบายให้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ปฏิบัติตามกรอบอำนาจหน้าที่ พยายามอย่าไปวิพากษ์วิจารณ์
นายอนุชา กล่าวอีกว่า ขณะที่ส่วนหลักคือมหาเถรสมาคม (มส.) ที่ต้องดูแลกิจของสงฆ์ในเรื่องต่างๆ จะเป็นผู้ตัดสินหรือดูแลขอบเขตของการปฏิบัติในเรื่องของการแสดงธรรมเทศนา เราในฐานะคนไทยและชาวพุทธถือว่าศาสนาเป็นหนึ่งในเสาหลักของชาติ ตนคิดว่าความขัดแย้งต่างๆ เป็นเรื่องปกติ ทั้งความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งทางสังคม และความขัดแย้งทางความคิด ล้วนเป็นเรื่องปกติในระบบเสรีประชาธิปไตย แต่เหนืออื่นใดทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายของแต่ละส่วนหรือแต่ละหน่วย ความเหมาะสมหรือไม่ อย่างไรนั้นต้องอยู่ในกรอบของแต่ละส่วน ทั้งนี้ ตนคิดว่าถ้าสังคมเราช่วยกันประคับประคองศาสนาพุทธที่เป็นเรื่องสำคัญและเป็นเสาหลักของประเทศ อย่าเอาศาสนาพุทธลงมาเกี่ยวข้องกับหลายส่วนซึ่งมันไม่ควรเกิดขึ้น เราในฐานะฆราวาสอยากเห็นประชาชนชาวไทยอุปถัมภ์ค้ำชูศาสนาให้เป็นที่พึ่ง เป็นเสาหลักของประเทศเรา
เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายมองว่าเรื่องนี้เป็นการใช้สื่อโซเชียล ทำให้ประชาชนเข้าถึงธรรมะ นายอนุชา กล่าวว่า การกระทำต่างๆ จะมีอะไรแอบแฝงหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการนำศาสนาไปเกี่ยวข้องกับสิ่งใดเป็นการแอบแฝงหรือมีการชักนำความคิดเห็นของประชาชนหรือไม่นั้น ต้องให้มหาเถรสมาคม (มส.) วิเคราะห์หรือตัดสินอีกครั้งต่อสิ่งที่พระสงฆ์ทั้ง 2 รูป ได้กระทำ ทั้งนี้พวกเราทุกคนคงทราบดี อย่างไรก็ตาม ตนอยากขอร้องว่าศาสนาเป็นเสาหลักของชาติ อยากให้พวกเราช่วยกันประคับประคองศาสนาของเราในยามที่บ้านเมืองต้องการความสงบสุขและสันติ
ต่อข้อถามว่าตอนนี้มีคนที่มีความคิดเห็นต่างกันเป็น 2 ฝ่าย จะทำอย่างไรให้มีจุดกึ่งกลางได้ นายอนุชา กล่าวว่า ทุกอย่างมีความคิดเห็นออกเป็น 2 ฝ่าย แต่บางครั้งผู้ที่กระทำก็ต้องมีความคิดว่าอะไรที่ทำให้เกิดความคิดแยกเป็น 2 ฝ่าย คนทำจึงต้องคิดได้และคิดออกว่าตัวเองได้ทำให้ความคิดของคนในสังคม แบ่งฝั่งแบ่งฝ่ายหรือไม่ อย่างไร
#RATCHATANEWS #มหาเถรสมาคม