ปฏิเสธไม่ได้ การคอร์รัปชั่น เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน และนับวันยิ่งจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งในเชิงขนาดและความซับซ้อน “การทุจริตเชิงนโยบาย” เป็นหนึ่งในปัญหาการคอร์รัปชั่นที่สังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน การทุจริตเชิงนโยบายนั้นส่วนใหญ่เกิดจากการใช้เงื่อนไขทางการเมืองในการเอื้อประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง การศึกษาทางวิชาการที่ผ่านมา พบว่า ปัญหาการทุจริตเชิงนโยบาย คือ การใช้ความชอบธรรมของนโยบายและกฎหมาย เป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งแตกต่างจากปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือปัญหาการคอร์รัปชั่นที่เกิดจากการใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ
แม้ดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทยยังไม่ดีขึ้น แต่เมื่อพิจารณาถึงภาพรวมแล้ว ดูเหมือนคะแนนด้านความโปร่งใสของไทย นับว่ายังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก
การทุจริต (Corruption) หมายถึง การใช้อำนาจที่ได้มาหรือการใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ในทางมิชอบ เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์ของผู้อื่น การทุจริตอาจเกิดได้หลายลักษณะอาทิ การติดสินบนเจ้าพนักงานด้วยการชักชวนการเสนอการให้หรือการรับสินบน ทั้งที่เป็นเงินและสิ่งของ การมีผลประโยชน์ทับซ้อน การฉ้อฉล การฟอกเงิน การยักยอกการปกปิดข้อเท็จจริง การขัดขวางกระบวนการยุติธรรม การค้าภายใต้แรงอิทธิพล ทั้งนี้ การทุจริตดังกล่าวมิได้หมายความถึงเพียงความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับหน่วยงานของรัฐเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงธุรกรรมระหว่างบุคคลหรือกิจการในระหว่างภาคเอกชนด้วยกันเองด้วย ด้านหนึ่งยังสะท้อนว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นในสังคมไทยเเทบไม่ลดลงสักนิดเดียว ฉะนั้น จึงไม่แปลกที่เรื่องของ “ความโปรงใส”“การทุจริต” และ “คอร์รัปชั่น” จะถูกตั้งคำถาม รวมถึงถูกหยิบยกมาถกแถลงบนเวทีวิชาการหลายต่อหลายครั้ง มันคือสุดอำนาจ ที่อยู่เหนือคนปกติทั่วไป และยังคงอยู่คู่กับผู้มีอำนาจต่อไป ยากที่จะแก้จากหนักให้เป็นเบาได้
#RATCHATANEWS #ข่าวการเมือง