ผอ.สกธ. นั่งปธ.ถกร่างพ.ร.บ.ป้องกันการทำผิดซ้ำในคดีอุกฉกรรจ์ ร่วมกับภาคราชการ-ประชาชน-สถาบันการศึกษา ก่อนเสนอต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา

พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีความมุ่งหวังผลักดันร่างพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำผิดซ้ำในคดีอุกฉกรรจ์ เพื่อเฝ้าระวังและติดตามพฤติกรรมของผู้ต้องหาภายหลังพ้นโทษกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่น

โดยสำนักกิจการยุติธรรมจึงได้จัดสัมมนาทางวิชาการผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ซึ่งมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมกันจัดอภิปรายในหัวข้อ “แนวทางการปรับปรุงกฎหมายเพื่อป้องกันอันตรายจากผู้กระทำความผิดหรือผู้พ้นโทษที่มีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคม” และข้อเสนอแนะต่อ “ร่างพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำความผิดซ้ำของผู้กระทำความผิดอุกฉกรรจ์ที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. ….” ได้แก่ ศาสตราจารย์ ณรงค์ ใจหาญ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.สุรสิทธิ์ แสงวิโรจน์พัฒน์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาสตราจารย์ ดร. คณพล จันทน์หอม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรองศาสตราจารย์ ดร. ปกป้อง ศรีสนิท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมถึงผู้เข้าร่วมอีกกว่า 105 คน จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนราชการ ภาคประชาชน ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา อาทิ กรมคุมประพฤติ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงานกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษา และรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากส่วนราชการ ภาคประชาชน และภาคเอกชน เกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว

พันตำรวจโท พงษ์ธร เปิดเผยอีกว่า ก่อนหน้านี้ช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา สำนักงานกิจการยุติธรรม ได้ทำโพลร่วมกับนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เรื่อง “มาตรการใหม่ในการป้องกันการกระทำผิดอุกฉกรรจ์ซ้ำซาก” พบว่า ร้อยละ 95 เห็นว่า ผู้ต้องขังคดีร้ายแรงอุกฉกรรจ์ ไม่ควรได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำก่อนครบกำหนด ควรติดตาม สอดส่องให้นานและเข้มข้นขึ้น ในส่วนของมาตรการใหม่ในการป้องกันการกระทำผิดซ้ำนั้น ร้อยละ 50.95 ระบุว่า ให้มีมาตรการทางการแพทย์ เพื่อป้องกัน การกระทำผิดซ้ำ ร้อยละ 46.45 ระบุว่า ให้มีมาตรการคุมประพฤติภายหลังพ้นโทษไม่เกิน 15 ปี ร้อยละ 42.91 ระบุว่า ให้มีคำสั่งคุมขังภายหลังพ้นโทษ และคำสั่งคุมขังฉุกเฉิน ในกรณีมีความเสี่ยงที่จะทำผิดซ้ำ และร้อยละ 33.07 ระบุว่าให้มี การแจ้งเตือนชุมชนเมื่อผู้กระทำผิดเข้ามาพักอาศัยร่วม ซึ่งมาตรการที่จะนำมาใช้นั้น ต้องคำนึงจากความร้ายแรงของคดี ระบุว่า ประวัติการกระทำความผิด สาเหตุแห่งการกระทำความผิด ลักษณะส่วนตัวของผู้กระทำความผิด ความคิดเห็นของผู้เสียหาย และโอกาสในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด ซึ่งรายละเอียดผลการสำรวจ สามารถติดตามได้ผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักงานกิจการยุติธรรม

“ผลจากการรับฟังความคิดเห็นในการสัมมนาครั้งนี้ จะถูกนำไปใช้วิเคราะห์ร่วมกับผลโพลอย่างรอบด้าน ก่อนเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไว้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ป้องกันการกระทำความผิดซ้ำคดีอุกฉกรรจ์ เราหวังอย่างยิ่งว่าบทบัญญัติในการป้องกันและเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรม จะสร้างความปลอดภัยให้สังคม และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม” พันตำรวจโท พงษ์ธร ระบุ

#RATCHATANEWS #สำนักงานกิจการยุติธรรม

Loading

Facebook Comments: (1) ห้ามใช้คำพูด หรือเขียนข้อความหยาบคาย ด่าทอ ดูถูกดูหมิ่นดูแคลน (2) ห้ามพูดหรือเขียนข้อความอันจาบจ้วงสถาบันหลักสำคัญของชาติ ห้ามละเมิดกฎหมาย ป.อาญามาตรา 112 โดยเด็ดขาด (3) ห้ามพูดจาละเมิดหรือเขียนข้อความอันสร้างความเกลียดชังในเรื่อง ชาติ ศาสนา เชื้อชาติ การแสดงความเคารพต่างๆ ของส่วนบุคคล และของประเทศต่างๆ ห้ามเอาความเชื่อส่วนบุคคลมาวิพากย์วิจารณ์อย่างดูหมิ่นดูแคลนเหยีดหยาม (4) ห้ามพูดจาหรือเขียนข้อความ ที่ดูหมิ่น-ละเมิดศาล หรือวิจารณ์วิเคราะห์คำพิพากษาของศาลโดยเด็ดขาด (5) ห้ามเขียนหรือกระทำการแสดงความคิดเห็นต่างๆที่เข้าข่ายผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ (6) ต้องปฏิบัติและเคารพกฏหมายและระเบียบธรรมเนียมปฏิบัติอย่างเคารพกฏหมายอย่างเข้มงวด

Leave a Reply

Your email address will not be published.