นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โควิดว่า ภาพรวมขณะนี้ดีขึ้น ประชาชนสามารถใช้ชีวิตวิถีใหม่ อยู่กับสถานการณ์ของโควิดได้อย่างเคร่งครัดตามมาตรการป้องกันตนขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาล เช่น การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ รักษาระยะห่าง และงดไปในสถานที่แออัด เป็นต้น
ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. – 16 ก.ย.2564 ฉีดวัคซีนรวม 43,342,103 โดส โดยฉีดครบ 2 เข็ม จำนวน 14,285,995 โดส และฉีดเข็มที่ 1 ไปแล้ว จำนวน 28,436,015 โดส ซึ่งฉีดได้ประมาณ 9 แสนโดสต่อวัน พร้อมทั้งเร่งรัดให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้ได้ 50% อย่างช้าภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้ ตามเป้าของกระทรวงสาธารณสุข
นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้วัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยมี 4 ชนิด คือ ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม แอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์ ซึ่งผ่านการรับรองทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยวัคซีนหลักที่ใช้ฉีดเข็มที่ 1 คือ ซิโนแวคและเข็มที่ 2 แอสตร้าเซนเนก้า ห่างกัน 3-4 สัปดาห์จากผลการศึกษาวิจัยในประเทศพบว่า วัคซีนทั้งสองชนิดนี้จะเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ใช้เวลาสั้นกว่าวัคซีนสูตรปกติ รายใดที่พบว่ามีปัญหาแพ้วัคซีนเข็มแรก เช่น มีผื่นขึ้นบวมแดงหรือหายใจติดขัด จะเปลี่ยนชนิดที่มีความปลอดภัยแทน
ทั้งนี้ จะฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้แก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. – พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากภูมิคุ้มกันเริ่มลดลงหลังฉีด 3-6 เดือน โดยประชาชนที่จะเข้ารับการฉีด จะได้รับการแจ้งข้อความ SMS ผ่านทางแอปพลิเคชันหมอพร้อม หรือลงทะเบียนที่สถานพยาบาลเดิม และเข้ารับบริการที่จุดฉีดวัคซีนกลางในแต่ละพื้นที่กำหนด เช่น ในกรุงเทพมหานคร ที่สถานีกลางบางซื่อ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนกลุ่มนักเรียน 12-17 ปี ที่จะเริ่มฉีดไฟเซอร์เข็มที่ 1 ในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ จะคำนึงถึงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และเป็นไปตามเจตจำนงของผู้ปกครองเป็นสำคัญ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการบริหารจัดการระบบการฉีดให้รัดกุมและมีความปลอดภัยสูงสุด
#RATCHATANEWS #กรมควบคุมโรค