“อมรัตน์” พร้อม สส.ก้าวไกล ใช้ตำแหน่งประกันตัวแกนนำม็อบคณะราษฎร

“อมรัตน์” นำทีมก้าวไกล ใช้สิทธิ สส. ประกันตัวผู้ต้องหาคดี  112 อ่านจม. ท้าทายปธ.ศาล ผู้รักปชต. ตกอยู่ในความมืดมิด

วันที่ 26 ต.ค.2564 ที่หน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม เขต 3 พรรคก้าวไกล และสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักกิจกรรมทางการเมือง ร่วมกันอ่านจดหมายเปิดผนึกถึงนายปิยกุล บุญเพิ่ม ประธานศาลฎีกา เพื่อเรียกร้องต่อจุดยืนในการปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นทางการเมืองของเยาวชนและประชาชน

นางอมรัตน์ กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล เหตุที่ออกมาจึงแสดงจุดยืนต่อสาธารณะ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวของสื่อมวลชนตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.2563 ว่า “ยินดีใช้ตำแหน่งผู้แทนราษฎรไปประกันตัว หากเสรีภาพในการแสดงความเห็นที่ถูกรองรับไว้โดยรัฐธรรมนูญถูกพรากไปด้วยข้ออ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” พร้อมโชว์ใบรับรองเงินเดือนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นเพราะว่าหลายปีที่ผ่านมานับจากรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลนี้ที่สืบทอดอำนาจในปัจจุบันซึ่งยาวนานใกล้เข้าปีที่ 8 แล้ว ประเทศถูกปกครอง ครอบงำด้วยความกลัว ผู้ที่รักประชาธิปไตยให้คุณค่ากับหลักการสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมตกอยู่ในความมืดมิดแห่งรัตติกาลอันยาวนานไม่เห็นแสงสว่าง ถูกปิดกั้นเสรีภาพในการคิด การพูด การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สุดในประเทศประชาธิปไตย เมื่อสิ้นสุดความอดทน เยาวชนหนุ่มสาวและประชาชนออกมาทวงคืนประชาธิปไตย ไล่นายกที่สืบทอดอำนาจจากการรัฐประหาร  เรียกร้องให้ยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน ยกเลิกอำนาจ ส.ว.(สมาชิกวุฒิสภา) ในการเลือกนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้มีความเป็นสากลสอดคล้องกับยุคสมัย

“แต่ไม่ว่าจะออกมาส่งเสียงมากมายแค่ไหน ข้อเรียกร้องของพวกเขาถูกตั้งใจละเลยไม่ถูกได้ยิน สิ่งที่ได้รับคือ การลุแก่อำนาจปราศจากมนุษยธรรม ใช้กำลังปราบปรามอย่างรุนแรงเกินกว่าเหตุ ใช้งบประมาณมากมายปราบปรามผู้ชุมนุมอย่างบ้าคลั่งราวกับพวกเขาเป็นอริราชศัตรูเพียงแค่พวกเขาคิดต่างจากผู้ทรงอำนาจบาตรใหญ่ แจกคดีความถ้วนหน้าออกหมายเรียกหมายจับ ใช้กฎหมายปิดปาก จงใจใช้และต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยข้ออ้างเรื่องโควิด-19 อย่างปราศจากความละอายต่อสายตาชาวโลก” นางอมรัตน์ กล่าว

นางอมรัตน์ ย้ำว่า สำหรับตนแล้วเยาวชนผู้กล้าหาญเหล่านั้นคือนักต่อสู้ไม่ใช่นักโทษ คือเจ้าของอนาคตประเทศนี้ พวกเขาได้ก้าวข้ามเส้นแห่งความกลัวที่คนยุคตนไม่เคยเข้าข้ามพ้นเส้นนั้นมาได้ บัดนี้มีผู้ต้องหาคดี 112, 116, 215,  พ.ร.บ.คอมพ์, พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ และพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มากมายถึง 1,500 คน จาก 800 กว่าคดี โดยเฉพาะคดี 112 มีถึง 150 คน และส่วนใหญ่เป็นเยาวชน

“เราต้องยอมรับกันเสียทีว่า คดีมาตรา 112 เป็นคดีทางการเมือง จะต้องถูกแก้ไขด้วยวิถีทางการเมืองแทนใช้คุก ศาลทหารและใช้กฎหมายปิดปาก รวมทั้งกฎหมายหมิ่นพระมหากษัตริย์ เป็นประเด็นที่ประเทศไทยถูกองค์กรระหว่างประเทศและประเทศต่างๆ วิพากษ์วิจารณ์ นับจากปี 54 ถึงปี 64 ถูกวิจารณ์มาแล้วไม่ต่ำกว่า 22 ครั้ง ถูกเสนอแนะให้แก้ไขในเรื่องอัตราโทษที่สูงเกินไป ไม่ได้สัดส่วนกับความผิดและไม่มีโทษขั้นต่ำ ไม่มีคำนิยามที่แน่นอนของคำว่าดูหมิ่น และกฎหมายนี้มีปัญหาการบังคับใช้ที่ถูกตีความอย่างไร้ขอบเขต รวมไปถึงไม่สอดคล้องกับหลักการสากลในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง” นางอมรัตน์ กล่าว

นางอมรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้ที่รัฐข้ออ้างในการไม่ให้ประกันตัวโดยอ้างว่า มีอัตราโทษสูงและอาจก่อให้เกิดอันตรายความเสียหายต่อความมั่นคงหรือน่าเชื่อว่าจะหลบหนีไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้น ดังจะเห็นได้ว่า ผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง แม้แต่ถึงฆ่าคนตายก็ยังได้สิทธิในการประกันตัวออกมาต่อสู้คดี เพราะพวกเขายังไม่ได้ถูกตัดสินว่ามีความผิดยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ตามกฎหมาย ดังนั้น ต้องหยุดความตกต่ำของกระบวนการยุติธรรมไทยไม่ให้ต้องถูกทำลายลงเพียงเพื่อจะได้ดำเนินคดี 112 หรือเพียงเพื่อต่ออายุให้รัฐบาลที่ไร้ความชอบธรรม 

ทั้งนี้ ในฐานะผู้แทนราษฎร มีหน้าที่ปกป้องสิทธิเสรีภาพที่จะคิดที่จะพูดและสิทธิในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองให้กับพวกเขา โดยขณะนี้ยังมีผู้ถูกจองจำอีกหลายคนไม่ว่าจะเป็น นายอานนท์ นำภา ,นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, นายภาณุพงษ์ จาดนอก, ไผ่ ดาวดิน และน.ส.เบนจา อะปัญ ขอเรียกร้องให้คืนสิทธิประกันตัวให้พวกเขา เพื่อคลี่คลายปัญหาวิกฤติศรัทธาต่อองค์กรตุลาการในขณะนี้ และตนขอเรียกร้องให้ประธานศาลฎีกาฟื้นฟูกระบวนการยุติธรรมให้กลับมาเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริง “คุกควรเป็นที่ของคนที่ปล้นอำนาจประชาธิปไตย ไม่ใช่ของผู้ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย” นางอมรัตน์ ระบุ ทิ้งท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่อ่านเเถลงการณ์เสร็จ  อมรัตน์ จะยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาที่ยังถูกคุมขังอีกครั้ง เพื่อเป็นการเรียกร้องต่อประธานศาลฎีกาให้พิจารณาและไตร่ตรองในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมให้กลับมาเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน

————————————————————

#NewsandTalk

#Ratchatanews.com

#ChiangMaiTalkNewspaper

#ก้าวไกล #การเมือง

#อมรัตน์โชคปมิตต์กุล

 770 total views,  2 views today

Facebook Comments: (1) ห้ามใช้คำพูด หรือเขียนข้อความหยาบคาย ด่าทอ ดูถูกดูหมิ่นดูแคลน (2) ห้ามพูดหรือเขียนข้อความอันจาบจ้วงสถาบันหลักสำคัญของชาติ ห้ามละเมิดกฎหมาย ป.อาญามาตรา 112 โดยเด็ดขาด (3) ห้ามพูดจาละเมิดหรือเขียนข้อความอันสร้างความเกลียดชังในเรื่อง ชาติ ศาสนา เชื้อชาติ การแสดงความเคารพต่างๆ ของส่วนบุคคล และของประเทศต่างๆ ห้ามเอาความเชื่อส่วนบุคคลมาวิพากย์วิจารณ์อย่างดูหมิ่นดูแคลนเหยีดหยาม (4) ห้ามพูดจาหรือเขียนข้อความ ที่ดูหมิ่น-ละเมิดศาล หรือวิจารณ์วิเคราะห์คำพิพากษาของศาลโดยเด็ดขาด (5) ห้ามเขียนหรือกระทำการแสดงความคิดเห็นต่างๆที่เข้าข่ายผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ (6) ต้องปฏิบัติและเคารพกฏหมายและระเบียบธรรมเนียมปฏิบัติอย่างเคารพกฏหมายอย่างเข้มงวด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น