“หญิงหน่อย” โชว์วิสัยทัศน์ เปิด 5 กองทุนช่วยคนตัวเล็กที่ถูกกดทับจาก “รัฐราชการอำนาจนิยม” เตรียมจัดทัพรันแคมเปญ “คาราวานฟังเสียงสร้างไทย 77 จังหวัดทั่วประเทศ”
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2564 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในงาน “ท้าเปลี่ยนประเทศไทย 2565” โดยมีนักการเมืองและประชาชนทุกช่วงวัยให้ความสนใจอย่างคึกคัก ณ ห้องประชุมใหญ่ข่าวสดมติชน
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทย ก่อกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่จะเป็นพื้นที่สำหรับคนทุกช่วงวัยเข้ามาทำงานเพื่อคนตัวเล็กที่ถูกกดทับจาก “รัฐราชการอำนาจนิยม” และที่สำคัญพรรคไทยสร้างไทย มีจุดยืนจะไม่รับใช้การสืบทอดอำนาจเผด็จการ
“ผู้นำที่ดีต้องรับฟังประชาชนในแต่ละพื้นที่ว่าต้องการอะไร แล้วนำมาแปรเปลี่ยนเป็นนโยบายที่สอดคล้องในแต่ละพื้นที่โดย “ไทยสร้างไทย”เตรียมจัดคาราวานสร้างไทยเพื่อฟังเสียงของประชาชนทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ การที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ ต้องเริ่มจากการ “ปลดปล่อย” (Liberate) ประชาชนจากพันธนาการของรัฐราชการและ “สร้างอำนาจ” (Empower) ให้กับประชาชนโดยเฉพาะคนตัวเล็ก สร้างสภาหมู่บ้าน ในการมีอำนาจตัดสินใจการพัฒนาชุมชน เพื่อขจัดอุปสรรคที่ขัดขวางการทำมาหากินโดยสุจริตของประชาชน และต้องร่วมกันผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่แท้จริง และต้องมีบทบัญญัติที่ถือว่าการรัฐประหารล้มล้างรัฐธรรมนูญ ต้องไม่ได้รับนิรโทษกรรมและต้องมุ่งมั่นเปลี่ยนรัฐราชการที่กดหัวประชาชนเป็นรัฐประชาชนที่บริการประชาชน”
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่ออีกว่าพรรคไทยสร้างไทยได้ยกร่างกฎหมายหลักที่จำเป็นเพื่อ “การปลดปล่อยและสร้างอำนาจ” ให้กับประชาชนอย่างเป็นระบบ โดยร่างกฎหมายเกี่ยวกับการพักใช้กฎหมายเกี่ยวกับการอนุมัติ อนุญาตไว้ชั่วคราว ประมาณ 1,500 กว่าฉบับเป็นเวลา 3 ปี คงเหลือแต่กฎหมายที่จำเป็นและส่งผลกระทบต่อประชาชนให้ไม่เกิน 100 ฉบับ เพื่อให้ประชาชนทำมาหากินได้โดยไม่ต้องรอการอนุมัติ รอการอนุญาตที่ล่าช้า ซึ่งหลายเรื่องเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น และจะกิโยตินกฎหมายที่ล้าสมัยควบคู่กันไป
“ไทยสร้างไทย” ให้ความสำคัญกับประชาชน “คนตัวเล็ก” ได้เข้าถึงแหล่งทุนอย่าง SMEs กว่า 3 ล้านราย ซึ่งจ้างงานกว่า 13 ล้านคน สร้าง GDP ถึง 35 % แต่เข้าถึงแหล่งทุน ในระบบธนาคารเพียง 10 % เท่านั้น
พรรคไทยสร้างไทยจะสร้าง “กองทุนSMEs” เพื่อให้ SMEs อีก 90% เข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งกองทุน Start Up เพื่อให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสตั้งตัว, กองทุนธุรกิจท่องเที่ยว ที่มีคนเกี่ยวข้องหลายสิบล้านคน อีกทั้งธุรกิจท่องเที่ยวยังสร้างรายได้ 15% ของ GDP, กองทุนวิสาหกิจชุมชน เพื่อโอกาสของเกษตรกรและลูกหลานเกษตรกรได้มีทุนทำธุรกิจบนพื้นที่และภูมิปัญญาของตัวเองทั้งการแปรรูปสินค้าการต่อยอด OTOP
และที่สำคัญคือ “กองทุนคนตัวเล็ก” ที่ขณะนี้มีหนี้ครัวเรือนสูงถึง 90 % ของ GDP กำลังขาดสภาพคล่องอย่างหนักต้องกู้เงินนอกระบบ โดยคนตัวเล็กในกลุ่มนี้มีสูงถึง 36 ล้านคน แบ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยไม่ถึง 20,000 บาท ต่อเดือน 8 ล้านคน ผู้ไม่มีหลักฐานแสดงรายได้ อีก 28 ล้านคน
นอกจากต้องเผชิญกับวิกฤตภายในประเทศแล้ว ไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตของโลกอีกด้วยทั้งวิกฤตโรคระบาด วิกฤตเทคโนโลยีและวิกฤตสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยลดลง
ดังนั้น ต้องพลิกวิกฤตเหล่านี้ ให้เป็นโอกาสของประเทศไทย เพื่อแสวงหาฐานรายได้ใหม่ “ไทยสร้างไทย” จะสร้างประเทศไทยให้มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่าเดิม เพราะไทยมีความสามารถที่จะเป็น “ศูนย์กลางอาหารปลอดภัย” ป้อนขายคนทั่วโลก “ศูนย์กลางสุขภาพ Spa and Wellness” และ “ศูนย์กลางการท่องเที่ยว”
รวมถึงเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ที่เชื่อมสู่ทั่วโลกระหว่างตะวันออกและตะวันตก ทั้งทางบก ทั้งทางเรือ และทั้งทางอากาศ โดยเชื่อมทั้งมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก
ดังนั้น การสร้างรถไฟความเร็วสูงทางคู่ทั่วประเทศกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ จึงมีความเป็นจำเป็นและจะหนุนนำให้ประเทศไทยเป็น Inland Hub ในภูมิภาคเอเชียได้
นอกจากนี้ ต้องเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ด้วยเทคโนโลยี Blockchain AR VR IOT และอื่นๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทย
#NewsandTalk #Ratchatanews.com #ChiangMaiTalkNewspaper
#การเมือง #หญิงหน่อย #สุดารัตน์เกยุราพันธุ์ #ไทยสร้างไทย
#ท้าเปลี่ยนประเทศไทย2565 #คาราวานฟังเสียงสร้างไทย #รัฐราชการอำนาจนิยม